ประกันภัยรถยนต์ให้ความคุ้มครองตามจำนวนเงิน และรายละเอียดที่ปรากฏในหน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัย สำหรับความเสียหายดังนี้

1. ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (แต่ไม่รวมถึงผู้ขับขี่ที่ต้องรับผิดตามกฎหมาย  ตลอดจนลูกจ้าง คู่สมรส  บิดา มารดา  บุตรของผู้ขับขี่นั้น)

1.1 ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย

1) ค่ารักษาพยาบาลกรณีบาดเจ็บ

2) ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงหรือเสียชีวิต

1.2 ความเสียหายต่อทรัพย์สิน/รถยนต์บุคคลภายนอก

2. รถยนต์ที่ทำประกันภัย

2.1 ความเสียหายต่อรถยนต์อันเกิดจากการชน การคว่ำ และภัยอื่น ๆ

2.2 รถยนต์สูญหาย/ไฟไหม้

3. ความคุ้มครองเพิ่มเติมตามเอกสารแนบท้าย

3.1 อุบัติเหตุส่วนบุคคล

3.2 ค่ารักษาพยาบาล

3.3 การประกันตัวผู้ขับขี่

สำหรับเงื่อนไข ความคุ้มครอง และข้อยกเว้นทั้งหมด ผู้เอาประกันภัยสามารถศึกษารายละเอียดได้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้รับจากบริษัทประกันภัย

สามารถทำประกันภัยได้ ทั้งนี้ บริษัทประกันภัยจะนัดตรวจสภาพรถยนต์ก่อนการรับประกันภัยเป็นขั้นตอนปกติ และหากพบว่ารถยนต์ที่ขอทำประกันภัยมีความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อนการรับประกันภัยแล้ว บริษัทประกันภัยจะบันทึกความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อนดังกล่าวไว้ในระบบ และผู้เอาประกันภัยจะไม่สามารถเรียกร้องให้บริษัทประกันภัยรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อนการรับประกันภัยนั้นได้ ดังนั้น หากรถยนต์มีความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ควรซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนขอทำประกันภัยจะดีที่สุด

ความเสียหายส่วนแรก หมายถึง จำนวนเงินส่วนแรกของความเสียหายที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเอง ซึ่งจะกำหนดไว้ในเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์

ตัวอย่าง 1 กรมธรรม์กำหนดจำนวนความเสียหายส่วนแรก คือ 2,000 บาท และจำนวนความเสียหายที่ต้องรับผิดชอบมีมูลค่า 5,000 บาท ดังนี้ ผู้เอาประกันภัยจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท และบริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าเสียหายส่วนที่เกิน อีก 3,000 บาทแทนผู้เอาประกันภัย

ตัวอย่าง 2 กรมธรรม์กำหนดจำนวนความเสียหายส่วนแรก คือ 2,000 บาท และจำนวนความเสียหายที่ต้องรับผิดชอบมีมูลค่า 2,000 บาท ดังนี้ ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายนั้นเองเต็มตามจำนวน คือ 2,000 บาท

แยกเป็น 2 กรณี ดังนี้

กรณีที่ 1 หากผู้เอาประกันภัยขาย หรือโอนรถให้ผู้อื่นโดยที่ไม่ได้แจ้งยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย ให้ถือว่าผู้รับโอนเป็นผู้เอาประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ และบริษัทประกันภัยต้องรับผิดชอบตามกรมธรรม์ประกันภัย และให้ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยต่อไปตลอดจนครบอายุของกรมธรรม์ประกันภัยที่เหลืออยู่

กรณีที่ 2 หากกรมธรรม์ประกันภัยเป็นแบบระบุชื่อผู้ขับขี่ ผู้เอาประกันภัยเดิมมีหน้าที่ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงผู้ขับขี่ให้บริษัทประกันภัยทราบ เพื่อให้ดำเนินการแก้ไขกรมธรรม์ประกันภัย เช่น ข้อมูลของผู้เอาประกันภัย ข้อมูลของผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ อัตราเบี้ยประกันภัยที่อาจเปลี่ยนแปลงตามความเสี่ยงภัยที่เปลี่ยนไป

กรณีผู้เอาประกันภัยได้ขายรถยนต์ให้แก่ผู้มีอาชีพรับซื้อขายรถยนต์ หรือให้เช่ารถยนต์ หรือ ซ่อมแซมรถยนต์ หรือ บำรุงรักษารถนต์ จะต้องแจ้งยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ฉบับนั้น